วันศุกร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2554

2555 (ร่ายสุภาพ)

        ๏ ปีสองห้าห้าสี่ ปีที่จะผ่านพ้น สัปดนบ้านเมือง มีแต่เรื่องวุ่นวาย กลายจะเป็นเมืองทุกข์ หาสุขมิใคร่มี สงครามสียังคง ดี บ ลงเลยหนอ โอละพ่อทุกเรื่อง เป็นเมืองที่สับสน  สุดกังวลเบื้องหน้า มิใคร่สาธยาย ทำนายมิใคร่ถูก แต่ต้องผูกผลดวง ตักตวงปัญหาต่าง แนวทางแก้ปัญหา ดูช่างน่ามืดมน อนธกาลงานสร้าง มิกระจ่างแจ้งเลย เรื่องเคยแย้งยังคง คนยังสงสัยอยู่ คนยังสู้เต็มเมือง เอาเรื่องเท็จแปะโป้ง คนโกงยังลอยหน้า คนฆ่ายังลอยนวล สวนทางกระแสกรรม คนระยำตั้งมั่น สุดกระสันอำนาจ ประหลาดยอดมนุษย์ สุดทำนายจิตใน สุดแปลใจให้ตก วกวนในเหตุการณ์ งงสันดานจริต ทำพิษให้สังคม คนชมยังชมอยู่ มิได้รู้ความจริง หัวถูกสิ่งแปลกปลอม ย้อมไม่ให้คิดเป็น ดังเช่นคือหุ่นยนต์ ละลวยมนต์เป่าเสก ให้วิเวกวายวาง จนเป็นกลางข้างหนึ่ง สุดจะทึ่งความคิด โยนผิดให้หมู่เขา หมู่เรายกว่าดี แยกสีแยกข้างกัน ก็ใครมันแยกก่อน ทุกตอนรู้เห็นชาติ เสือกแยกญาติตีกัน มันก็เพื่อนกันมา ทว่าเรื่องเล็กน้อย ค่อยลามไปทั่วถิ่น แดนดินจนรอบโลก วิโยคให้เขาเห็น เหมือนเป็นเช่นละคร ทุกตอนกล้ำกลืนดู อดสูในศักดิ์ศรี นารีเป็นนายก ถูกถลกหนังสิ้น จากจินตนาการ ปานประดุจไม่มี ข้อเหตุดีเล่นงาน เล่นแต่การเขียนพูด ดังกระฉูดชื่อเสีย นัวเนียกันตุบตับ รับแต่ชอบเสมอ ไม่เผลอไม่เอาผิด มันคิดปราบปวงชน จนเกิดมิคสัญญี นารีถูกกล่าวโทษ ไม่โปรดเลยสักนิด เหมือนคิดจะฆ่าแกง กำแหงแม้สตรี ด่าดีด่าได้นัก มันคักกันแม่น บ เยินยอแต่คนดี ไมตรีแต่คนธรรม ระยำกับคนถูก จากผูกเหตุเลือกตั้ง ทั้งเสียงมากทั้งหลาย เป็นควายกันหมดสิ้น มิรู้ผินทางไหน มีแต่ใส่ประโคม แนวโน้มจะเลวลง ก็คงจะฆ่ากัน อีกครั้งกลางคันเอย คงเฉลยมิยาก ถ้าหากคนยังเป็น เช่นดังฆาตกร จะเห่าหอนทั่วโลก ไทยจะโศกโศกา เหว่ว้าไม่มีใคร คบไม่ได้ไทยนี่ มีแต่เรื่องประหลาด เช่นชาติวนิดา ต้องสรรหาเรื่องพูดปด สลดจิตจดจำ คนระยำเช่นนี้ ศักดิ์ศรีมีน้อยนิด ทำพิษให้บ้านเมือง เอาเรื่องปดมายำ กรำเหตุปดตามกัน คิดสรรแต่โกหก มีแต่นกสองหัว ชั่วช้าไม่ซื่อสัตย์ จากพลัดซึ่งเป็นธรรม แบ่งชั้นก็คนสูง จูงชาวบ้านฉิบหาย สนตะพายคิดหรือ ว่าคือจะลากได้ ชาวบ้านมิใช่โง่ โตก็มีความคิด อย่าจำกัดสิทธิ์เสียง ได้เพียงแค่หายใจ ในแดนดินเช่นทาส นี่ราษฎรชาวไทย เราใหญ่เท่าเทียมกัน อย่าคิดแบ่งชาติชั้น ห่อนเช่น อินเดีย เถิดนา ๚

        ๏ ปีสองห้าห้าสี่ ประชาชีอ่วมอรทัย บ้านไพรยันเมืองหลวง ช้ำทรวงเหตุคงคา มิปรานีข้าน้อย แม้ถอยมิมีทัน เขื่อนขันธ์มิอาจต้าน ฟ้าประทานเหตุโศก วิโยคเหตุระทม ขื่นขมทั้งแดนดิน เหมือนทมิฬดินนี้ ไม่มีหลักประกัน เปลี่ยนผันตลอดกาล จิตสงสารผู้ทุกข์ ฤาสนุกอีกหรือ ต้องเป็นมือมือหนึ่ง ซึ่งช่วยเหตุคนยาก ตรากตรำหนีมวลธาร สุดต้านคนล้มตาย วายอนาถสุดสิ้น แผ่นดินเละเป็นกอง น้ำตานองทั่วหน้า ปรากฏซากเมืองช้ำ มืดดำในวิถี ไมตรีแทนจะทอด สุดตลอดทับท่วม แต่ด้วยอ่วมอรทัย ใช่คนจะจับมือ ถือน้ำใจไมตรี ตามวิถีคนไทย มิใช่เสียอีกแล้ว คนจะแคล้วความมิตร จะผลิตเรื่องชั่ว เมามัวทำลายกัน ชั่วกัลปาวสาน อย่าหาการสามัคคี แผ่นดินนี้อีกเลย เฉลยกึ่งทำนาย มิใช่แช่งแต่คล้าย เช่นนั้น แสนถวิล ก่อนนา ๚

        ๏ หวังเท่าที่จะหวัง ยังไม่เห็นทางเป็น เช่นไม่มีทางออก เป็นมะกอกสามตะกร้า จะปาตามใจหวัง ดังสำนวนนานมา ว่าปาไม่ถูกลง คงจะเป็นเช่นนั้น แต่คงยังทันหวัง พอประทังชีวี ให้มีความชุ่มชื้น ตื่นสู้ในปีใหม่ เอาชัยตามครรลอง ปีสองห้าห้าห้า ปีนี้มาเลขตอง จ้องจะเล่นเป็นเบอร์ ด้วยความเพ้อเบอร์หวย เลขสวยเพราะตองห้า มีนัยยะมาพร้อม กล่อมชีวีคนทุกข์ ให้สุขเพราะเลขห้า หัวเราะฮาตัวงอ ก่อประเด็นสุขสันต์ ประชันเรื่องหมดสุข สนุกเอาไว้ก่อน ให้จากจรเหตุระยำ ทำชีวีมอดไหม้ จากใจนักการเมือง มิประเทืองปัญญา เปิดมาด่าใส่กัน หาเหตุประชันเอา ประจันเข้าใส่สี พาทีมิสร้างสรรค์ ทุกวันคืนสะอื้นไห้ เป็นไทยนี้ขายหน้า น้ำท่วมมาด่าแหลก มิแตกต่างจางหาย มิคลายจากแต่ก่อน สักท่อนท่วมเอาซ้ำ ด้วยคำน้ำลายคน ยินยล บ เป็นสุข จะรุกเพื่อฆ่ากัน เอามันกันอีกรอบ เพื่อตอบใจตัวเอง นักเลงฆาตกร ให้พรด้วยลูกปืน หยัดยืนยัดความเท็จ ใส่เสร็จ บ รับผิด สนิทซึ่งคำคน บ สนสักสิ่งใด จะเป็นไฟลุกท่วม ร่วมแผ่นดินถิ่นนี้ อันถิ่นมีซึ่งชาติ ศาสน์กษัตริย์พร้อมหน้า แต่กลายมาเป็นวิถี วิธีเครื่องมือชั่ว ให้ตัวลอยเด่นดี ไม่มีคราบมัวมอง เห็นตัวต้องสะอาด แล้วสาดให้คนอื่น อย่าฟื้นหือนะมึง ดำรงความขึ้งแค้น แสนสาหัสตัดมิตร เพราะความคิดต่างกัน จะฆ่าฟันลูกเดียว แม้ไม่เกี่ยวเหตุตรง ลงท้ายพวกล้มเจ้า เอาเข้าคุกตะราง อย่างเมามันอำนาจ มิคิดคลาดความตน เหลือล้นความโกรธแค้น สุดแสนน่าอับอาย เห็นแต่ทางอย่างร้าย มอดม้วย ลูกเดียว แท้นา ๚

        ๏ จงหมดโศกแลทุกข์ สุขกันถ้วนเพียบพอ ขอแต่บรรดาเรา อย่าทำเศร้าอีกนา บรรดาเราสำคัญ มิฉะนั้นไม่เป็นไทย เผชิญใครทั่วหล้า อย่าได้หาเรื่องทุกข์ ให้หมดสุขอีกเลย คนสอนมิเคยจำ แม้นคิดซ้ำจงถอย ปล่อยวางกันเสียบ้าง ให้เป็นอย่างรุ่นหลัง เขาก็ยังเด็กอ่อน ซ่อนนัยดังผ้าขาว แวววาวประกายเลิศ อย่าให้เกิดเสียคน จะสนแต่ตาราง จืดจางน้ำหทัย ไมตรีจะพลิกล่ม เมืองจะจมทั้งเป็น เช่นเวียงกุมกามนี้ ปอมเปอีก็ใช่ มิไร้หลักฐานมา คนดีจะเหว่ว้า หมดสิ้น ถิ่นเรา แท้เอย ๚

        ๏ ขอคุณพระไตรรัตน์ ซึ่งสัตย์พระพุทธองค์ จารลงในพระธรรม ด้วยคำแห่งพระสงฆ์ ดำรงความศรัทธา ใจประชาไทยเนา มิรู้เบาขาดมา เกียรติแลบารมี พระภูมีล้นเกล้า อันแต่เนานานมา คุณาแห่งเลือดเนื้อ ชีวีเพื่อผดุง มุ่งหมายแผ่นดินไทย วีรชนใหญ่ยิ่ง อย่าได้ทิ้งอนุชน คนรุ่นหลังยังอยู่ ผดุงชูหมู่เรา ให้นานเนาสถิต ประสิทธิ์สถาพร อย่าได้คลอนหวั่นไหว แผ่คุ้มไกลทั่วหน้า อย่าได้มีมัวหมอง ถอยลงคลองอีกหน จงพ้นปัจจามิตร ที่คิดชั่วมิวายวาง ฟ้าจงสางสีรุ้ง ส่องทุ่งท้องถนน ยลดูรู้สวยงาม จงคืนความเป็นธรรม นำให้พัฒนา ประชาธิปไตย ทุกหทัยได้รับ จับตาเพริศพริ้งนัก จงประจักษ์แก่เรา จงเห็นเค้าเราคิด ซึ่งสิทธิเสรี เป็นศักดิ์ศรีชาวไทย ไร้ชนชั้นแบ่งแยก แตกต่างอย่ากลับมี สามัคคีทุกคน พ้นทุกข์สุขอนันต์ หวังและหวั่นโดยจิต คิดให้ว่าเป็นจริง จักได้พิงกายแอบ เอาแนบบ้านเมืองใหม่ ที่สดใสกว่าเดิม และเติมแต่งสีสัน ด้วยบรรดาแสงสี มิตรไมตรีทั่วหล้า ปัญหาใดอย่ามี ไพรีจงพินาศ แม้นวาดอย่าได้เห็น จงลำเค็ญทางชั่ว หายมัวกลับเป็นคน ค่าตนกลับเด่นดี สามัคคีมีพลัง แม้นใจหวังยังยาก ก็หากเราทิ้งเกี่ยง ไม่เลี่ยงภาระเรา จะเอาก็เป็นง่าย คลายแรงกายแรงใจ ฝากความแต่นี้ไว้ ก็ด้วย หวังดี แน่นา ๚ 

29 ธันวาคม 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น