วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

'รูปโป๊' โอละพ่อ เรื่องไม่เป็นเรื่อง + เริ่มวิกลจริต !!

        ก็เป็นที่ฮือฮากันอย่างไม่ทันข้ามคืนเมื่อปรากฏรูปโป๊ในระหว่างที่สมาชิก รัฐสภากำลังอภิปรายถกเถียงกันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันอย่างเอาเป็นเอา ตายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นางแบบหญิงกำลังโพสท่ายั่วยวนแหกขาจนเห็นกางเกงใน (แล้วก็ชวนคิดว่าแค่กางเกงในแม่งจะเซ็นเซอร์หาพ่อง ไม่ได้เห็นหอย สร้อยเหม็นอะไรซักหน่อย ทำกระแดะไปได้) แต่ภาพดังกล่าวก็ถูกเซ็นเซอร์เมื่อนำมาปรากฏต่อสื่อมวลชนต่าง ๆ และอีกทั้งยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพหันกึ่งข้างกึ่งหลังของ ส.ส.คนหนึ่งซึ่งกำลังยกไอโฟนขึ้นมาดู ก็เจอรูปโป๊อยู่ในไอโฟนพอดิบพอดี และได้แพร่สะพัดไปสู่โซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
        กลายเป็นเรื่องร้อน ๆ ที่มีคนสนใจกลบเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มิดไม่เห็นหัวกันเลยทีเดียว
        มีการตั้งข้อสงสัยเรื่องเจ้าหน้าที่ที่แอบดูรูป หรือระบบไวไฟในที่ประชุมรัฐสภา หรืออาจจะเกิดมาจากการแฮก และอีกมากมายต่อหลายอย่างที่สามารถเชื่อมถึงทำให้จอมอนิเตอร์ได้แสดงภาพดัง กล่าวขึ้นมาได้ จนกระทั่ง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวในเชิงว่าจะต้องค้นหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ได้
        เกือบจะชื่นชมไปแล้ว !!

        ไวปานโกหก
        อีก 1 วันต่อมา นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าตนคือบุคคลที่ปรากฏในรูปที่กำลังดูไอโฟนจริง แต่เป็นคนละรูปกับที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ และเปิดขึ้นมาเพื่อจะลบทิ้ง ก็เท่านั้น
        “รังสิมา” เงียบกริบ !!
        แถมออกมาปกป้องบอกว่าความจริงนายณัฏฐ์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเสียด้วยซ้ำ เพราะไม่มีเจตนาจะดู
        ก็ประจวบเหมาะกับทางรัฐสภาได้ตรวจสอบรูปบนมอนิเตอร์แล้วคาดว่าน่าจะเป็นเจ้า หน้าที่ และประกาศว่าจะจัดการอย่างเด็ดขาด ซึ่งก็รอดูกันต่อไปว่าเรื่องราวนี้จะเป็นเช่นไร

        เรื่องนี้ผมเห็นหลายฝ่ายที่พยายามจะโยงเข้าไปสู่การเมือง ทั้งที่เรื่องนี้มันไม่ได้มีสาระอะไรเลย แบบคนที่คิดอะไรไม่ออก สมองตีบตัน นึกเป็นการเมืองไปเสียหมด ความจริงต้องจับส่งเข้าศรีธัญญาเลยเสียด้วยซ้ำ เพราะ...
        “บ้าการเมือง” จนลืมทำอย่างอื่นที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองมากกว่า
        ที่หนักกว่านั้น คือมีคนวิกลจริตบางจำพวก โยนไปหา “คนไกล” อย่าง “ทักษิณ” เช่นเคย เป็นเรื่องที่กี่ร้อยกี่พันก็จำไม่ค่อยจะได้
        หาว่าทักษิณสั่งเจ้าหน้าที่รัฐสภาหรือมือดีป่วนการประชุม (ก็บังเอิญที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์กำลังอภิปรายพอดี) ด้วยการส่งรูปโป๊หวังให้ ส.ส.ตบะแตกไม่เป็นอันอภิปราย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว.
        มึง “ช่างคิด” มาก !!
        แม่งไม่มีใครที่จะคิดเหี้ย ๆ ได้เท่าพวกมึงแล้ว !!
        เรื่องที่ทักษิณไปเจรจากับกลุ่มพูโลเพื่อช่วยหาทางออกให้กับปัญหาชายแดนภาค ใต้ก็อีกเรื่องนึงละ พวกที่จะเล่นประเด็นเรื่องภาพตัดต่อไม่ตัดต่อก็ว่าไป แต่ที่หาว่าทักษิณเป็นต้นตอที่ทำให้เกิดสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ว่าไปแต่จะว่าในเชิงนโยบายก็ยังพอคุยกันได้ งัดข้อมูลมาสู้กันได้ แต่ก็บังเอิญมีพวกวิกลจริต (เผลอ ๆ จะเป็นพวกเดียวกันกับเรื่องรูปโป๊) เล่นกันถึงขนาดว่า
        “ทักษิณ” สั่งการ “บึ้มหาดใหญ่”
        ให้ข่าวแบบสั่ว ๆ จนอะไรที่เลว ๆ ไม่ว่าสากกะเบือยันเรือรบก็โยนไปให้ทักษิณหมด ต่อให้จะไม่เกี่ยวกับการเมืองก็ตาม ราวกับว่าคุณสมบัติของพวกไม่มีศีลธรรม (ซึ่งต้องขุดเอาหลักธรรมของทุกศาสนาบนโลกมารวมกัน) ไปอยู่กับทักษิณหมด
        เอากับเขาซีสลิ่มเอ๋ย

        ผมอาจจะด่าพรรคประชาธิปัตย์ไว้เยอะในเรื่องต่าง ๆ ที่ทำกันผิดมนุษย์มนาจนคนไทยสะอิดสะเอียนกันเป็นแถว แต่เรื่องนี้ผมคงต้องยกไว้สักเรื่องครับ เพราะบรรดาข้อความหรืออะไรทั้งหลายแหล่สำหรับผู้ที่มีมือถือแบบปัจจุบัน ไม่ว่าจะไอโฟน บีบี หรือแอนดรอยด์ก็ตามแต่ มันย่อมเข้ามาสู่มือถือได้ตลอดเวลา มันไม่รู้หรอกว่าเวลานี้เป็นอย่างไร มันไม่รู้หรอกว่าตอนนี้กำลังประชุมสภา จึงห้ามตัวเองมิให้ส่ง ก็เป็นไปไม่ได้
        เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายณัฏฐ์ เพราะมันไม่ใช่ความผิดอะไรเลยที่จะเช็กมือถือของตัวเองเพื่อให้เห็นว่าใครจะ ส่งอะไรเข้ามา เผื่อเกิดเป็นข้อความร้องทุกข์จากชาวบ้านในเขตของตัวเองขึ้นมา หรืออย่างน้อยความรู้สึกของชาวบ้านที่กำลังดูการถ่ายทอดการประชุมอยู่ ถ้าไม่ดูเสียเลยก็อาจจะถูกค่อนแคะว่าเป็น ส.ส. ไม่สนใจประชาชนที่เลือกตัวเองมา มันไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจดูและไม่ได้ตั้งใจหมายมั่นว่าเมื่อเปิดแล้วจะเป็นรูปโป๊เช่น นี้ และเมื่อเป็นรูปโป๊อย่างนี้ ตามสำนึกของคนที่เห็นว่าไม่ควร ก็ควรอย่างยิ่งที่จะปิด หรือลบทิ้ง ไม่ได้เป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร
        นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมไม่พูดในเชิงค่อนแคะว่าทำไมนายณัฏฐ์ “ไม่รู้จักกาลเทศะ” และผมเห็นว่า เรื่องแค่นี้ มันไม่ได้ร้ายแรงกันถึงขนาดว่านายณัฏฐ์จะต้องลาออกจาก ส.ส.
        ก็เหมือนกับที่มีคนค่อนแคะนายกยิ่งลักษณ์ว่าแอบกดโทรศัพท์อยู่กลางขบวนแห่ พระบรมศพเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ จนสลิ่มเจอ “ส้นตีน” ตำตาว่าที่นายกปูกดนั้น ก็เพื่อที่จะปิด ไม่ให้ต้องได้ยินเสียงโทรศัพท์ให้รำคาญแก่โสตประสาทของข้าราชบริพารและข้า ราชการชั้นผู้ใหญ่ทั้งหลายที่เรียงรายอยู่รอบตัวในขณะร่วมขบวนแห่ดังกล่าว
        แถมสลิ่มยัง “เจอดี” เมื่อมีคนโพสรูปของอดีตนายกมาร์ค ยืนโทรศัพท์ท่ามกลางบรรดาผู้นำประเทศในระหว่างการประชุมระหว่างประเทศช่วง ที่ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
        สลิ่ม “ช็อก” กันเป็นแถว
        ไม่รู้จะเถียงเช่นไร
        บรรดาสลิ่มหูเบาคงแอบกรี๊ดวี้ดบึ้มอยู่ในใจ...
        “กูแพ้มึงอีกแล้วเหรอเนี่ย ?!”

        ผมจึงไม่เห็นเหตุผลอะไรที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จะดำเนินการใด ๆ เพื่อเอาผิดกับนายณัฏฐ์ให้ได้ และยิ่งไม่ควรที่จะนำเรื่องนี้ไปยั่วยวนผู้ตรวจการแผ่นดินว่า “แล้วอย่างนี้ล่ะ จะมีหน้ายังไง จะบอกว่าอย่างนี้มันผิดจริยธรรมนักการเมืองไหม ทีกูละด่าจังเลย ที่ว่านายกตั้งนลินีกับณัฐวุฒิไม่รอบคอบพอ” เพราะมันเป็นเรื่องไร้สาระ
        มันเป็นเรื่อง “ไร้สาระ” โดยแท้
        ผมก็รอดูเรื่องนี้ว่าพรรคเพื่อไทยจะ “หน้าแหก” กันอย่างไร เมื่อถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินจะครวญว่าเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ (แต่ผมว่ามันหยุมหยิมจริง ๆ) จะเอามาให้รกบ้านรกเมืองทำไม พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาครวญโอดกาเหว่ากันแปดหลอดยี่สิบหลอดว่า “ผู้ตรวจการแผ่นดินสองมาตรฐาน”
        ก็ตัวเองเอาเรื่องหยุมหยิมไปให้เขาเอง จะไปว่าอะไรได้ ถ้าเขาจะไม่สนใจเรื่องนี้ รับไว้ให้อีนุงตุงนัง เป็นขี้ปากของประชาชนเสียเปล่า ๆ
        อะไรที่ละเว้นได้ ก็ควรละเว้นเถอะครับ นักการเมืองทุกฝ่าย (ย้ำว่า “ทุกฝ่าย”)
        อะไรที่พอจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาได้ ก็ควรให้ อย่าคิดว่าคน ๆ นั้นจะเป็นพวกเดียวกันหรือคนละพวก
        ไม่ใช่คิดเข้าข้างตัวเองเอาแต่ว่า “ทีใครก็ทีใคร กูจะเล่น”

        แต่ก็ยังไม่เท่ากับที่ผมได้เห็นธาตุแท้ของคนบางจำพวกที่ทำตัว “ปากว่าตาขยิบ” โดยอาศัยคราบของผู้ปกป้องรักษาจริยธรรมของนักการเมืองเข้าบังหน้า และทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามกันสุดลิ่มทิ่มประตู โดยไม่สนใจว่าเรื่องนั้นจะเป็นเช่นไร จะหยุมหยิม จะไร้สาระหรือไม่
        ถ้ามีช่องให้หาเรื่องได้ กูก็จะลอดช่องไปด่าเขาแม่งลูกเดียว พอเรื่องแดงออกมาก็แทนที่จะรับผิดชอบ กลับทำลอยชาย ลอดช่องกลับพรรคตัวเอง เงียบซักพัก พอมีเรื่องกระทบโสตประสาทอะไรมาอีก ก็จะลอดช่องไปด่าเขาเหมือนเดิม
        เอ๊ะ ! นี่มัน “วัฏจักร” หรือเปล่า ?!
        แต่บางคนใช้คำที่ให้ภาพพจน์ “แรง” กว่า “ลอดช่อง” มาก ก็คือ...
        “มุดรู”
        นักคิดคำคมแรง ๆ ด้านความรักที่ชอบมาอวดประชันวาทศิลป์กันบนเฟซบุ๊คยังอาย
        สนใจจะคิดอะไรแรง ๆ ด้านการเมืองมั้ยครับ ?!
        หนับหนุนเต็มที่

        คนได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของ “รังสีมา รอดรัศมี”
        คนอาจจะเรียกให้มันเว่อร์บรมว่า “รังซีม่า” แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ที่ว่าชอบตรวจสอบนักการเมืองนั้น “เป็นธรรม” หรือไม่
        ผมชักจะเห็นการปรากฏตัวของ ส.ส. คนนี้บ่อยถี่เกินไปจนคนชักจะรำคาญ เพราะกัดทุกเรื่อง เสียดสีการทำงานของนายกรัฐมนตรีซึ่งมันเลยกรอบการตรวจสอบไปหลายขุม เรื่องหยุมหยิมก็ไปเล่น จะคาดคั้นให้นายกต้องรับผิดชอบ ต้องลาออก อ้างว่าปกป้องสิทธิสตรี แต่ไปด่านายกเสีย ๆ หาย ๆ อย่างกรณี ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ร่วมหอลงโรงกับกระทาชาย 3 หน่อแห่งรายการ “สายล่อฟ้า” ซึ่ง “เซียร์ ไทยรัฐ” ขึงกางเกงในไว้ในการ์ตูนหน้า 3 พร้อมทั้งเขียนทับไว้ว่า
        “สายล่อเป้า”
        และก็ยังไม่มีวี่แววที่บรรดาสามหนุ่มดังกล่าวจะออกมาขอโทษเพราะ (ต้องรู้ว่า) มันเป็นความเท็จ 100% (สำนวนของจตุพร พรหมพันธุ์) กลับเดินลอยชายลอยหายไปในกลีบเมฆ
        “รังสิมา” ก็เลยได้รับอานิสงส์ ลอยหายกลับไปสิงสถิตที่ปากอ่าวแม่กลอง ดอนหอยหลอด หรือสวนมะพร้าวอันเป็นบ้านเกิด
        เป็นเจ้าแม่ที่หาแดกเศษเลยกับเรื่องหยุมหยิมจนเป็นข่าวโดดเด่นได้ทุกวัน และก็ยิ่งเสริมความโดดเด่นเป็นที่สนใจเป็นทวีคูณเนื่องจาก
        “สองมาตรฐาน”
        เมื่อเกิดกรณีอย่างนายณัฏฐ์ จึงไม่แปลกใจที่รังสิมาจะบอกว่า “นายณัฏฐ์ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร”
        นี่ก็อีกคนนึง “มัลลิกา บุญมีตระกูล” ส.ส.ปากกล้าปากดีฝ่ายหญิงอีกคน ซึ่งก็ใบ้แดกกันแหลกลาญเมื่อเจอกรณี ส.ส.ในพรรคตัวเองดูรูปโป๊
        เห็นชัด ๆ ชอบไปว่าระรานคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน หาว่าไปเอากันบนชั้น 7 โฟร์ซีซั่นส์ สร้างดราม่า “เอาอยู่” จนสลิ่มก็พากันเชื่อแบบไม่ต้องตรองห่าตรองเหวอะไรเลย พอพวกตัวเองไปทำอะไรไม่ดี รึไปว่าคนอื่นเสีย ๆ หาย ๆ
        เงียบ !!
        มัวเป่าห่าอะไรกันอยู่ ?!
        บางทีที่เงียบคงไม่ใช่เพราะ “สองมาตรฐาน” ไม่ด่าพวกตัวเองหรอก แต่อาจจะเป็นเพราะ
        “อึ้ง” จนพูดไม่ออกเสียมากกว่า !!

        หยุดขยายเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นยืดยาวบานปลายเถอะครับนักการเมืองทุกฝ่าย ทุกสี วันนี้ประชาชนกำลังสนใจการแก้ไขรัฐธรรมนูญและรอฟังความจริงจากนักการเมือง ว่าจะเอายังไง สิ่งที่เสนอต่อรัฐสภาจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์แค่ไหน
        ผมบอกไว้เลยครับว่าสำหรับผม รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะคลอดออกมาต้องเห็นหัวประชาชนเป็นสำคัญ เห็นแก่ตัวกันน้อย ๆ หน่อย ไม่เช่นนั้นประชาชนอาจจะไม่เห็นหัวท่าน (เป็นการตอบแทน) ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็เป็นได้
        แต่บรรดาสลิ่มหรือพวกที่เคลื่อนไหวรอกระแสรัฐประหารลม ๆ แล้ง ๆ หล่นใส่ง่ามตีนอยู่ทุกวันก็อย่าดีใจว่าเมื่อประชาชนเกลียดนักการเมืองแล้วจะ หันมาหาพวกตัวเอง ไม่ใช่ครับ บางครั้งถ้าประชาชนสุดทนกับนักการเมืองกันทั้งโคตรเสียแล้ว อาจจะต้องผันตัวเองมาเป็นนักการเมืองเสียเอง เพื่อผลักดันเรื่องของประชาชน (ที่นักการเมืองไม่เคยสนใจ) ให้เป็นจริง ทำได้ ไม่คิดที่จะหันไปหาพวกที่จ้องเขมือบอำนาจรัฐและหาแดกกับผลประโยชน์ของชาติ แบบไม่ต้องลงทุนด้วยการ “ล้มกระดาน”
        พวกต่อต้านประชาธิปไตยแบบ “แอ๊บ ๆ” อย่างหนาวก็แล้วกัน
        ขอฝากคำคมของเพจ “ศาสดา” ที่มีต่อเรื่องนี้ในช่วงแรก ๆ ที่ประเด็นดังกล่าวนี้ได้บูมขึ้นมา ก่อนที่นายณัฏฐ์จะออกมารับผิดชอบในเรื่องนี้ แบบแรง ๆ ไม่เซ็นเซอร์ว่า
        “ความเงี่ยนไม่เคยแบ่งสี ความหงี่ไม่เคยแบ่งฝ่าย”
        จบข่าว

ก้อนอิฐ
20 เมษายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น