วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

ความ “ดอกทอง” ไปรบกวน “ลมหายใจ” ใครหรือ ? (ฉันท์ผสม : กลอนสุภาพ + กาพย์สุรางคนางค์ 28)

                                               อีคำผกา
ไม่รู้ใครด่า                                   เธอว่าอย่างนี้
ประจานต่อหน้า                             เหล่าประชาชี
ว่าเป็นกะหรี่                                 และมารสังคม
                                                วิจารณ์พระเจ้า
ที่ชอบกล่อมเกลา                            วาจาประพรม
คนฟังติดใจ                                   จึงใคร่นิยม
ยิ่งกว่ารื่นรมย์                                 บันเทิงเริงเพลง

        เธอคิดเล่นเห็นต่างในทางว่า        ศาสนาใดเล่าไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งระบบการเมืองการปกครอง             ด้วยทำนองเห็นจริงยิ่งวงใน
        ตีโจทย์แตกแต่แรกเริ่มวิจารณ์      ให้เป็นทานแก่คนที่สงสัย
หลายเรื่องจริงเหตุผลเคล้าปนไป           สรุปได้ศาสนาแตกต่างกัน
        ศาสนาบริสุทธิ์นั้นหายาก            คงลำบากถ้ารัฐไม่เสกสรร
รับไว้เพื่อสถาปนาการเมืองนั้น              ไว้ช่วยกันรักษาอุดมการณ์
        บางที่สองอย่างนี้เนื้อเดียวกัน        อันศาสน์นั้นครองเองสุดแต่ท่าน
วาติกันคือตัวอย่างหนึ่งประการ             ครองวงศ์วานศาสนจักรทั่วโลกา
        หากศาสนาบริสุทธิ์ผุดผ่องจริง       คงไม่มีสิ่งแย้งศาสนา
นั่นคือสงครามศึกศรัทธา                     อย่านึกว่าคนพุทธจะไม่มี
        เธอตรงไปตรงมาอยู่ตลอด           เธอถูกตอดหลายครั้งอย่างเต็มที่
ประทับตราอีชั่วมั่วราคี                       สามัคคีชุมนุมรุมบาทา
        เพียงแค่วิจารณ์กันตามจริง           ฤาจะทิ้งข้อสังเกตไม่กังขา
เอาเพียงแค่งมงายกับศรัทธา                 ถึงกับบ้าจะฆ่าคนต่างกัน ?!

                                               ไม่ตั้งคำถาม
เชื่อแล้วคล้อยตาม                          คำเร่งระดม
มารศาสนา                                  คำด่าพร่ำพรม
โยนลงอาจม                                 สกปรกไป
                                                ไม่มีเหตุผล
ก็จะด่าคน                                    สุดฤทธิ์จิตใจ
ด่าจนเสียหมา                                ไม่สนหน้าใคร
อีห่างามไส้                                    โชว์หัวนมดำ
                                                สาปคนอื่นผิด
ไม่ต้องมัวคิด                                 ให้มันเปลืองคำ
สบถหยาบคาย                              แถมป้ายสีซ้ำ
ผู้หญิงระยำ                                  เกิดมาได้ไง
                                                กูรู้กูว่า
เกิดให้มึงด่า                                  เอาให้สมใจ
แค่คิดเห็นต่าง                               พลางคิดแก้ไข
เผื่อจะนำไป                                  ปรับปรุงให้ดี
                                                มึงดีตายห่า
ที่พล่ามไปว่า                                 กันทุกถิ่นที่
อย่างไม่ยากเย็น                              ว่าเป็นกะหรี่
ปั้นให้เป็นผี                                   ขึ้นมาอีกคน

        เธอชี้ชวนคนคิดผิดระบอบ           สนองตอบจริตคิดสงสัย
ว่าวิถีแห่งพุทธในเมืองไทย                   นี้มันเป็นเช่นไรไม่อินัง
        จะสวดมนต์ข้ามปีดีจริงหรือ         หรือจะคือสาปตัวเองให้ถูกขัง
คิดว่าสุขแต่ตัวอยู่ประทัง                     ก็จะยั้งตนอยู่มิรู้ใด
        มิรู้ความสังคมที่ตรมอก               มันผันผกเลวทรามไปไฉน
ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองให้เปลืองใจ              เหมือนปล่อยให้เรื่องมันไปตามกรรม
        เหลืองกับแดงแทงกันไม่รู้เรื่อง        ห่มผ้าเหลืองเทศนาไปว่าขำ
ตัวเป็นกลางบอกให้หยุดการกระทำ         แต่เสือกพร่ำเหล่ตาไปทางเดียว
        เธอกระชากไส้เหลืองที่เปลืองเทศน์  ให้มูลเหตุจริงแท้ไม่ทอดเที่ยว
หลักฐานจากพุทธกาลผูกเป็นเกลียว          ใครลดเลี้ยวคงเห็นประจักษ์กัน

                                                ใช้เสรีภาพ
กลายเป็นผิดบาป                            สาปเป็นผิดไป
ประณามรุมด่า                               เอาว่าจัญไร
ถือสัญชาติไทย                                แต่ใจอื่นแล้ว ?!
                                                สงกาสงสัย
ว่าประเทศไทย                               นี้ปานดวงแก้ว
ใครติเอาหน่อย                               มิค่อยจะแคล้ว
พาติดบ่วงแร้ว                                กับดักผลักไป
                                                ผ้าคลุมสีขาว
จะปิดความคาว                              ได้นานแค่ไหน
ไม่มองดูตัว                                    ว่าชั่วกระไร
ใครรู้หรือไม่                                    ถามไถ่ดูเอา
                                                เขาคงด่าว่า
หรือแค่นินทา                                ตามเรื่องหนักเบา
อันศาสนา                                    ที่ว่าขัดเกลา
อันจริงแท้เข้า                                จะเหลืออะไร
                                                พระพุทธเจ้า
พระองค์ทรงเอา                             ประชาธิปไตย
ใฝ่เสรีภาพ                                    ทาบทับจิตใจ
ทรงเป็นห่วงให้                               ปวงชาวชมพูฯ
                                                หมดสิ้นวัฏฏะ
แห่งชั้นวรรณะ                                งมงายอดสู
ประพฤติแนวทาง                             ตามอย่างคำครู
ค้นเองจนรู้                                     สาเหตุทุกข์ทน
                                                แม้นรู้แจ้งแล้ว
ข้อธรรมเพริศแพร้ว                          ใช้ได้ทุกหน
สั่งสอนศิษยา                                  กันมาทุกคน
ซึ่งธรรมของตน                                ให้แจ้งทั่วกัน
                                                แต่มิได้ว่า
แพร่ศาสนา                                   ในถิ่นอื่นนั้น
ถ้าไม่นับถือ                                   ก็คือฆ่ากัน
มอบปัญญานั้น                                  ให้คนเลือกเอง

        มิได้ไปเดียดฉันท์ลัทธิอื่น                ยังยั้งยืนอยู่ได้ไม่หน่ายแหนง
เพราะท่านให้ปัญญามาจัดแจง                ให้คนคิดจนแจ้งอย่างเสรี
        ผิดแบบแตกต่างอย่างกลับหลัง         กับคนคลั่งศาสนาทุกถิ่นที่
นึกว่ากูเป็นใหญ่ในปฐพี                         จึงชอบชี้คนอื่นว่าผิดไป
        คิดว่าตัวเองถูกที่สุด                      ฤาจะสวมมงกุฎผู้ยิ่งใหญ่
จึงไม่ยอมบรรดาใครต่อใคร                     ที่เขาไม่เห็นด้วยเห็นต่างกัน
        วี้ดกับวีนตีนนำตาลปัตร                 ยอมสลัดขันติธรรมเข้าห้ำหั่น
เห็นปานอมนุษย์รุดประจัน                      คงเป็นบุญสุดอนันต์ของปวงคุณ ?
        เป็นประชาธิปไตยไฉนหนอ              โอละพ่อเมืองขึ้นชื่อลือศาสน์สุนทร์
ชอบประณามหยามเหยียดคนไร้บุญ           เหมือนเศษฝุ่นรังควาญจมูกตน
        ฤาจะกลายเป็นรัฐศาสนา                จะบังคับชาวประชาไปทุกหน
คงจะลงกฎวัตรต้องสวดมนต์                    สาละวนเข้าวัดทุกวันพระ
        ไม่ทำก็จับเข้าร้องฟ้องความ             เหมือนบ้ากามปล้นฆ่าจิปาถะ
ฤาพระจะเป็นใหญ่ตามใจพระ                  อ้างจะชะล้างบาปพินาศไป
        ไม่ต่างอะไรที่จะขาน                      เผด็จการศาสนาว่างามไส้
ยิ่งกว่าวาติกันที่อยู่ไกล                            เพราะเราสัมผัสได้อยู่ใกล้ตัว
        จะชี้หน้าด่าคนด้วยความหาญ           โดยประจานให้เห็นประเด็นชั่ว
สุดสังเวชทำเป็นไม่เห็นตัว                        ส่องเงาหัวดูจะชั่วสักเพียงไร ?!

                                                หนึ่งในเหยื่อบาป
ซึ่งเสรีภาพ                                    คือ “คำผกา”
ข้อหาฉกรรจ์                                  ปั่นศาสนา
ให้กลายเป็นสา-                              มัคคีเภทไป
                                                ต่อไปคงแรง
กันจนทุกแห่ง                                 ระแหงถิ่นไทย
โจษจันพิพาท                                 เกลื่อนกลาดทั่วไป
กล้าเห็นต่างใน                                สิ่งเหนือตัวเรา
                                                คนหวงอำนาจ
มองดูชั่วชาติ                                  ในร่างเปี่ยมเชาว์
จะรู้สึกตัว                                      ดีชั่วไหมเล่า ?
จะทนทำเนา                                   กี่น้ำเล่าเอย ?!

ก้อนอิฐ
10 เมษายน 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น