วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รู้เช่นเห็นชั่ว (กลอนสุภาพ)

        ฟังข่าวสุดท้ายใจหายวาบ                มือไม้ยวบยาบตามแถลง
ป่วยหนักจักใกล้ใจอ่อนแรง                      ข่าวแสดงแจ้งชัดมิขัดคำ
        จะร้องไห้เพราะมันกันหรือไม่            ด้วยเสียใจคบมาร่วมเรียนร่ำ
เทใจรักจักห่วงทรวงคะมำ                       แต่ว่าคำนึงแล้วมิอาจเอา
        เพิ่งมารู้กูเองโดนมันหลอก               อีหน้าดอกเพิ่งรู้เพราะกูเขลา
เสียแรงไว้ใจมันกันนานเนา                      หูแม่งเบาหวิวหายกลายเป็นลม
        เกือบสองปีก่อนไมตรีจะแตกดับ         ความสัมพันธ์จะย่อยยับและขื่นขม
รู้ความจริงใจยิ่งจะตรอมตรม                   หวานอมขมกลืนยืนไม่เป็น
        หลงไปรักคนนี้อีใจหมา                  ใครทักใครพาใครมาเห็น
ก่อภาระวาทะและประเด็น                     ด้วยความเอ็นดูแต่กูเอย
        เสียใจที่กูไม่นำพา                        ใครด่าไม่สนจนเฉลย
แต่ก่อนนึกสงสัยก็ไม่เคย                         จนเขาเผยความจริงยิ่งละคร
        ไปร่านจนท้องตั้งแต่เริ่ม                 ไม่นานก็ประเดิมเริ่มสังหรณ์
ปิดบังกูตายใจไม่อาวรณ์                        คงมีแต่อาทรรับมันไป
        แต่ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายหรอก       สัพยอกตอกเอาเม้าท์กันใหญ่
ย้ำหลายทีไม่ว่าจะใครใคร                       จึงรู้ว่าทำไมจึงเป็นเอา
        กูเจ็บปวดรวดร้าวก็คำมัน                เชื่อฉันบริสุทธิ์อย่ามาเขลา
ไม่น่าเชื่อแต่แรกแต่หูเบา                        เพราะรักเราบังตาพามืดมิด
        พอมันป่วยโรคเลือดใจเหือดแห้ง        ลับหลังเล่นแรงมิปกปิด
กระแสจริงยิ่งโหมโรมอมิตร                      จับจิตนินทาว่ากันไป
        มันนั้นท้องก่อนแท้งแล้วแคลงเลือด      หน้ากูเผือดซีดขาวน้ำตาไหล
ค้นและคว้าจนรู้ว่าจริงแก่ใจ                      หลอกกูได้แถมโดนทุกคนล้วน
        น้ำตาไหลนองในหัวใจกู                   นึกอดสูกูโง่โผล่กำสรวล
กำสรดเศร้าเอาเท้าถีบน้ำทวน                    กระแสสวนครุ่นคิดสัจธรรม
        แม้กูรักไว้ใจใยหลอกกู                      ยังมีชู้โน่นนี่กันเช้าค่ำ
นี่แหละหนาอารมณ์ใจวัยระยำ                    ชอบทำก่อนคิดสนิทไป
        รู้เช่นเห็นชาติยามขาดกัน                  สารพันเลวทรามความเขาไข
นึกอีกทีนี่คนหรืออะไร                              เป็นปลาไหลลื่นทั่วผัวเต็มเมือง
        ยิ่งกะหรี่มีงานไม่ร่านเท่า                  ยิ่งดอกทองยังไม่เอาเท่าหนุนเนื่อง
ยิ่งสิบเอ็ด ร.ด. ก็พอเปลือง                      ยังไม่เคืองแค้นเท่าอีเจ้านี้
        หนอยแน่ะ ! อีแรดมันเกินคน            โสมมมากล้นมิจน...
ชอบทำแบะและบานปานกากี                  กูนี่ละทึ่งซึ้งมึงจริง
        โอ ! กูโง่โตโลดยังโฉดเขลา               ปัญญาเยาว์แม้เก่งยังเสียหญิง
อีสันดานเลวควายฉิบหายจริง                   กูก็คงละทิ้งแต่วันนี้
        ต่อไปนี้จะไม่มีใครอีกแล้ว                ตั้งใจเรียนไม่แป้วแถวทางที่
เห็นกะหรี่ถอยห่างบ้างก็ดี                        ก็ดีกว่าราคีจะเข้าตัว
        เอาใบปริญญาให้เร่งรุด                  จะหยุดเอาเสียเรื่องเมียผัว
เอาตัวรอดตลอดแต่เพียงตัว                     กูไม่อยากเป็นผัวใครอีกแล้ว
        แล้วเมื่อถึงวันนั้นก็คงมี                   ซึ่งสาวใดไมตรีมาเป็นแถว
บริสุทธิ์โสดใสคงไม่แจว                          คงไม่หลุดจากแนวแถวความนี้
        วันนี้พอก่อนช่างเหนื่อยใจ                เจอแต่คนจังไรมาขาย...
ชาติเป็นเช่นกระโถนนารี                         กูจะหนีให้ไกลจากพงศ์พันธุ์
        ไม่ไหวไม่ไหวและไม่ไหว                  พับใจเอาไว้ไม่ให้ขัน
ก่อนถลำลึกไปห้ามไม่ทัน                         คงจะเป็นไปตามมันอีกคนเอย !!

27 พฤศจิกายน 2554

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น