วันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

พลัง “บริสุทธิ์” แห่งเยาวชนไม่เสื่อมคลาย การเหยียดหยาม “ไร้ค่า” สำหรับ “คนจริง”

        “เกิด เป็นชายขายชาติ...หาเงินจากผู้ปกครอง...แถมยังผ่อนเบนซ์ป้ายแดง...ชอบกินแรง ครูอาจารย์...ไม่ทำงานกินเงินเดือน...สติฟั่นเฟือนวิกลจริต...เป็นโรคจิตใน สังคม...ชอบมองนมครูสาว ๆ...ชอบว่ากล่าวนักเรียนดี...ทำตัวเป็นผู้ดีต่อหน้าผู้คน...ดูถูกคนจนเป็น ยอดดี...เป็นคนขี้ถี่ในสายเลือด...อารมณ์เดือดไม่ได้ดั่งใจ...เลยให้ไปยืน สนามหญ้าหน้าโรงเรียน...!!”
        กลอนบทดังกล่าวถูกนำมาอ่านกลางบริเวณการชุมนุมของนักเรียนโรงเรียนอุดรพิทยา นุกูล (อ.พ.) จังหวัดอุดรธานี ซึ่งมีถ้อยคำในเชิงประชดประชันและเสียดสีพฤติกรรมของผู้อำนวยการอย่างหนัก และไม่ไว้หน้า
        การประท้วงในครั้งนี้นักเรียนอุดรพิทย์ได้ใช้กระบวนการสร้างความไม่สะดวกคือ การที่ไม่เข้าเรียน ซึ่งเป็นกระบวนการที่แน่นอนละว่าสร้างความเดือดร้อนให้กับครูอาจารย์เป็น อย่างมากเพราะต้องขาดการเรียนการสอนไปในวันนั้น แต่เพื่อสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์ของโรงเรียน นักเรียน (รวมไปจนถึงบุคลากรอื่น ๆ ในโรงเรียน) จึงยอมหยุดทำหน้าที่ของตน เพื่อร่วมกันต่อสู้ในครั้งนี้
        นอกจากนี้ยังมีบุคคลภายนอกมากมาย โดยเฉพาะศิษย์เก่ารุ่นต่าง ๆ ของอุดรพิทย์ มีคณะกรรมการสถานศึกษา โดยเฉพาะศิษย์เก่าคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอุดรธานีพิทยาคม (อ.ด.พ.) รวมถึงเคยเป็นครูของอุดรพิทย์อีกด้วย ในฐานะศิษย์เก่าคนหนึ่งของอุดรพิทย์ ก็ร่วมเข้ามาในการชุมนุม โดยรวมแล้วฝีปากของนักเรียนแกนนำการชุมนุมและศิษย์เก่าถือว่าเผ็ดร้อนและจัด จ้านมาก เทียบความ “มันยกร่อง” ได้กับการชุมนุมของนักเรียนโรงเรียนเขาวงพิทยาคาร (ข.พ.) จังหวัดกาฬสินธุ์เมื่อปลายปี 2553 เลยทีเดียว
        เรียกว่า “แซ่บเวอร์” เลยก็ได้...อั๊ยย่ะ !!
        ก่อนที่สุดท้าย ผอ.ของ สพม.20 ต้นสังกัด (ซึ่งก็เป็นศิษย์เก่าของอุดรพิทย์อีกเช่นเดียวกัน) จะมารับหนังสือไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

        ผมติดตามไปยังหน้าข่าวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องการการชุมนุมของนักเรียนอุดรพิทย์ ก็มีการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ในเชิงชื่นชม หรือวิจารณ์ ติชมซึ่งเราสามารถทำได้ในเชิงสร้างสรรค์ และเราก็สามารถยอมรับได้ในกระบวนการคิดที่จะนำไปสู่การพัฒนาต่อไป
        ทว่าก็มีบางความคิดเห็นที่ออกมาในเชิงไม่สร้างสรรค์อยู่มากมาย ออกจะเป็นการ “ด่า” เสียด้วยซ้ำ แต่ที่ผมรับไม่ได้อยู่อันหนึ่ง คือ ที่ออกมาโพสต์ในทำนองว่า
        “เด็กอุดรพิทย์มันป่าเถื่อนเหมือนเสื้อแดง นึกอยากจะทำอะไรก็ประท้วง”
        แล้วก็บรรดาข้อความที่พาเหรดกันมาปานขบวนรถไฟฟรี ถล่มโจมตีบรรดานักเรียนและศิษย์เก่าอุดรพิทย์เสีย ๆ หาย ๆ ในทำนองว่าไม่มีหัวคิด อุดรนี่เมืองเสื้อแดงนี่หว่า อุ๊ย ! บ้านเมืองเถื่อน เยาวชนจึงติดเชื้อ อยากจะทำตัวเป็นนักบุญ เข้าไปสั่งสอนเยาวชนพวกนี้ให้ต้องเป็นคนแบบโน้นแบบนี้ บลา ๆ
        อย่างนี้ถือว่าเป็นการ “ดูถูก” หรือ “เหยียดหยาม” ชาติพันธุ์กันได้ไหมครับ ?!
        ผมว่าตรงนี้มันเป็น “คนละเรื่อง” กันกับด้านการเมือง เป็นความเดือดร้อนของนักเรียนที่เกิดขึ้นจริง ๆ จากน้ำมือการกระทำของผู้อำนวยการ ต้องแยกแยะให้ออกนะครับว่ามันสิ่งนี้เป็นเช่นไร สิ่งนั้นเป็นเช่นไร ไม่ใช่จับทุกเรื่องโยนใส่การเมืองมั่วซั่วไปหมด เหมือนเห็นทุกอย่างคือการเมือง อย่างกรณีของนิติราษฎร์ ซึ่งกำลังถูกความพยายามที่จะทำให้ “แปดเปื้อน” ทั้ง ๆ ที่ก็ทำด้านวิชาการโดยที่ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นเลย
        คือ อะไรที่เห็นตรงข้ามกับตัวเองก็โยนไปเป็นความเลวระยำตรงข้ามหมด อย่างนี้จะให้คิดยังไงครับ ?
        การมองทุกอย่างเป็นเรื่องของ “การเมือง” จึงเป็นเรื่องที่วิญญูชนพึงรังเกียจเป็นอย่างยิ่ง
        บุคคลบางจำพวกเกลียดกลัวคำว่า “การเรียกร้อง” เป็นอย่างมาก หลายคนได้แสดงความคิดเห็นว่า เดี๋ยวนี้คนไทยติดเชื้ออยากเด่นอยากดัง เวลาเดือดร้อนอะไรหน่อยก็เอาแต่ประท้วง ก่อม็อบ ปิดถนน เดินขบวน สร้างความเดือดร้อนไปทั่ว
        ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้หารู้ไม่ว่า สิ่งที่เราได้ ๆ กันมาในทุกวันนี้ ที่เราเป็นอยู่ในวันนี้ แทบทุกอย่าง มันมาจากการ “เรียกร้อง” ทั้งนั้น
        เพียงแต่ว่าจะเป็นวิธีใดก็เท่านั้น
        การชุมนุม ประท้วง มันเป็นวิธีการหนึ่งซึ่งกระทำเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในข้อเรียกร้อง และยิ่งมีเทคนิคเข้ามาช่วย หรือชุมนุมในเชิงสัญลักษณ์ ก็ยิ่งเรียกความสนใจให้กับการชุมนุมมากยิ่งขึ้น ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจจะนำการชุมนุมดังกล่าวไปขยายผลหรือดำเนินการ เช่น หน่วยงานเหนือต้นสังกัดรับหนังสือของผู้ชุมนุมที่ต้องการให้บุคคลที่ปกครอง ตนอยู่นั้นพ้นจากตำแหน่ง
        ถ้าเราไปอยู่เฉย ๆ แล้วมันจะเกิดผลอะไรเล่า ?
        ก็มีแต่เขาจะสมเพชเวทนาเท่านั้นเอง...

        ในระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมเป็นสิ่งที่คลาสสิกมาก ๆ และเป็นสิ่งที่ทำได้ภายใต้บทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ก็มีแต่เพียงพวกคอนเซอร์เวทีฟ หรืออนุรักษ์นิยมเท่านั้น เห็นว่าเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ล้าหลัง มึงจะเรียกร้องอะไรกันนักหนา ก็เพียงแค่พอเพียง พอ พอ และ พอ มึงก็ไม่ต้องเดือดร้อน มาชุมนุมกันหรอก
        ให้ลองคิดไว้ด้วยว่าคนพวกนี้หลงลืมอะไรไปบางอย่าง
        ให้ลองคิดไว้ด้วยว่าคนพวกนี้มีความต้องการ เรียกร้องเหมือนกันกับพวกชาวบ้านตัวเล็ก ๆ หรือไม่ ?
        ตอบแทนกันได้เลยว่า “มี” เช่นกัน
        แต่การเรียกร้องของคนพวกนี้ มีแนวทางที่ต่างกันและไม่เป็นข่าวให้สมเพชเวทนากันเหมือนการเรียกร้องของ ประชาชนชั้นล่างหรือชั้นถูกปกครองในบริบทต่าง ๆ คือ อาจจะได้มาจากการประจบ สอพลอ เลียแข้งเลียขา หรือทำตัวยั่วยวน ยั่วสวาท เป็นต้น
        ทำได้ง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องออกแรงยกป้ายผ้าให้มันเหนื่อยมันเมื่อยส้นตีนเหมือนกับนักเรียนอุดรพิทย์หรอกครับ

        มันเป็นกระบวนการเรียนรู้ประชาธิปไตยที่ง่ายและเข้าใจได้รวดเร็วกว่าการที่ ต้องมานั่งเปิดหนังสือเล่มโต ๆ อ่านให้เวียนหัวเล่นแล้วต้องท่องมันเอาไปสอบปลายภาค ไป “โชว์ โง่” ให้อาจารย์เห็นอีกต่างหาก ซึ่งไม่ควรเลยที่จะต้องมาด่าทอกันเละเทะ เสีย ๆ หาย ๆ ซึ่งมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการเรียกร้องเลย แต่เราควรที่จะมาดูกันในเรื่องเนื้อหา ประเด็นที่เขาเรียกร้องกันน่ะ ที่ ผอ.โกงเงินโดม โกงเงินโรงฝึกงาน นั้นจริงหรือเปล่า เงินแป๊ะเจี๊ยะมันหายไปไหน ต้องมาดูตรงนี้
        ส่วนหนึ่งที่ทำให้การชุมนุมของนักเรียนอุดรพิทย์เกิดความสำเร็จ ก็มาจาก “เฟซบุ๊ค” ของโรงเรียน ซึ่งเปิดให้นักเรียนชั้นต่าง ๆ เข้ามาแสดงความคิดเห็น สอบถามในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งกลายเป็นสถานที่รวมพลังของนักเรียนในการ “เปิดโปง” ความชั่วของผู้บริหาร จนนำไปสู่การนัดกันชุมนุมในที่สุด
        “เฟซบุ๊ค” จึงกลายเป็นสื่อสารมวลชน “แนวใหม่” ที่มวลเรากำลังนิยมกันอยู่ในขณะนี้
        ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป “อุดร พิทย์” ได้จุดกระแสความหวังให้กับนักเรียนอีกหลายโรงเรียนที่กำลังได้รับความเดือด ร้อนจากผู้บริหาร ให้ “ลุกฮือ” กระทำเช่นเดียวกับที่มวลประชาอุดรพิทย์ได้กระทำมาแล้ว เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา
        โปรดจับตาดู !!
        และจะมีใครหน้าไหนออกมาถล่มโจมตี “พลังบริสุทธิ์” ของเหล่านักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศที่จะออกมาประกาศจุดยืนพิทักษ์ปกป้องศักดิ์ศรีของโรงเรียนตนเองบ้าง
        อย่า “กะพริบตา” เป็นอันขาด !!
        รับรองงานนี้...
        แซ่บเวอร์...!!

11 กุมภาพันธ์ 2555

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น